เมื่อดูจากภาพรวมการลงทุนในหุ้น 5 ปีที่ผ่านมา จากสิ้นเดือน มิ.ย. 2552 ถึง มิ.ย. 2557 SET index ขึ้นจาก 597 เป็น 1458 เพิ่มขึ้นประมาณ 150% คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 25% ต่อปี และยังมีปันผลแถมอีกประมาน 3.5% ต่อปี แต่ถ้าเราเลือกหุ้นดีใน SET 50 และลงทุนเป็นรายตัวเราอาจได้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 1870% (หุ้น JAS ) อย่างไรก็ตามผมไม่แนะนำให้ลงทุนเงินทั้งหมดในหุ้น 1 ตัว เราควรเลือกหุ้นที่เป็นเบอร์ 1 ในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม แล้วลองถือยาวสัก 5 ปีดู ว่าเราได้ผลตอบแทนเท่าไหร
ตัวอย่างเช่น
กลุ่มสื่อสาร เลือก advanc
กลุ่มธนาคาร เลือก scb
กลุ่มขนส่งเลือก bts
กลุ่มโรงพยาบาลเลือก bgh
กลุ่มพลังงานเลือก ptt
จะพบว่าแต่ละตัวให้ผลกำไรทุกตัว มากบ้างน้อยบาง
advanc กำไร +143% ปันผล 5.52% ต่อปี
scb กำไร +130% ปันผล 3.12% ต่อปี
bts กำไร +177% ปันผล 6.86% ต่อปี
bgh กำไร +636% ปันผล 1.2% ต่อปี
ptt กำไร +36% ปันผล 4.09% ต่อปี
เหตุผลที่ให้เลือกหุ้นเบอร์ 1 ของอุตสากรรมเนื่องจากการเป็นเบอร์สะท้อนถึงการเป็นผู้ชนะ และมีกำไรสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ
อย่างไรก็ตามระหว่างระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาราคาหุ้นจะแกว่งขึ้นลง จนเราอาจเสียดายว่าหุ้นที่เคยขึ้นแล้วได้กำไร แต่เราไม่ได้ขายและราคาแกว่งลงจนขาดทุนเสียโอกาสทำกำไร ตรงจุดนี้ขอให้เรามีจิตใจมั่นคง และติดตามผลประการของหุ้นที่เราถือทุกไตรมาส ถ้าหุ้นยังคงกำไรเติบโตผมมั่นใจไว้ในระยะยาว 5 ปี เราจะไม่ขาดทุนค่อนค้างแน่นอนครับ
ฝากทิ้งทายว่าการลงทุนในหุ้นดี ขอให้ถือระยะยาว ฝึกทนรวยไปเรื่อย เราจะพบผลตอบแทนที่น่าอัศจรรย์ไม่ยากเกินเอื้อมครับ
ที่มาข้อมูลราคาหุ้นย้อนหลัง SET Smart
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น