วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

รายชื่อหนังสือ ๑๐ เล่มที่ดาวน์โหลดมาอ่านได้ฟรี


1. หนังสือ "เปลี่ยนหนี้เป็นอิสรภาพทางการเงิน" โดย Money Coach อาจารย์ จักรพงษ์ เมษพันธุ์
http://jakkapong.wordpress.com/%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%94/
2. หนังสือ "ชีวิตเปลี่ยน เพราะการลงทุน" 
http://www.set.or.th/yourfirststock/newlife_investor.pdf
3. หนังสือ "รู้จักสไตล์หุ้น.. เพื่อเลือกลงทุนให้โดนใจ" 
http://www.tsi-thailand.org/images/stories/TSI2012_Investor/Download/Brochure/KnowStockStyle.pdf
4. หนังสือ "ตามรอยวิถีเซียนลงทุน" 
http://www.tsi-thailand.org/images/stories/TSI2012_Investor/Download/Brochure/InvestmentGuru.pdf
5. หนังสือ "MAI STOCK FOCUS 2014" 
http://www.set.or.th/th/company/files/maiSF2014_EBOOK_v2.pdf
6. หนังสือ "โอกาสทองหุ้นไทย ในเศรษฐกิจ CLMV" 
https://www.set.or.th/th/company/files/20131218_CLMV.pdf
7. หนังสือ "กูรูพันล้าน วิชัย วชิรพงศ์" เรียบเรียงโดย คุณพีร์ บุญชนะวิวัฒน์ (Wizard Kid)
http://www.ebooks.in.th/ebook/10297/%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99_%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2_%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C/
8. หนังสือ "หุ้นตัวแรก your first stock" 
http://www.set.or.th/yourfirststock/select_by_set.pdf
9. หนังสือ "Investor's Practice Guide" คู่มือผู้ลงทุน: ฉบับลงทุนในหุ้น 
http://www.tsi-thailand.org/index.php?option=com_content&task=view&id=2282&Itemid=1835
10. หนังสือ "ศัพท์น่ารู้ เพื่อผู้ลงทุน"
http://www.tsi-thailand.org/index.php?option=com_content&task=view&id=2292&Itemid=1846
ที่มา http://supapongnilket.blogspot.com/

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2558

หมัดเด็ดเสี่ยยักษ์ ... ทำอย่างไรถึงจะมีพอร์ตพันล้าน


สรุปจากงานสัมนากลยุทธ์การลงทุนสไตล์พอร์ตพันล้านแบบนักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ
ส่วนน้อยรวย ส่วนใหญ่กลางๆไม่ได้ไม่เสีย ทีเหลือขาดทุน
จิตวิทยาข้อสำคัญ "ต้องรอให้ได้ หุ้นทุกตัวมีรอบของมัน"
เล่นหุ้นครั้งแรกขาดทุน แต่ไม่เป็นไร คนเราต้องมีการจ่ายค่าเทอมก่อนเสมอ
อยู่ท่ามกลางแวด-วงของคนเล่นหุ้น ต้องเอาตัวเองไปคลุกคลีกับกลุ่มคนเหล่านั้น
ลอกข้อสอบของคนที่สอบตก ยังไงเราก็ยังสอบตกอยู่อย่างนั้น เราต้องลอกข้อสอบคนที่สอบผ่าน สอบได้ที่ 1 พวกเขาเหล่านั้นมีแนวคิดอย่างไร มีกลยุทธ์อย่างไรในตลาดหุ้น มีหลักการอะไรบ้าง
สไตล์ผม ถ้ามีคนบอกซื้อหุ้นที่ 7 บาท ราคาไป 10 บาท กำไร 2 บาท เป็นผม ผมไม่เล่น สำหรับผมมันต้องจาก 5 บาทไป 15 บาท แล้วต้องมีเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงไป 15 บาท
ต้องหาบิ๊กช็อตให้เจอ อย่าเล่นหุ้นหลายตัว ดูอย่าง ดร.นิเวศน์ ชนะหุ้นเพียงแค่ตัวเดียว CPALL ถ้าหาไม่เจอเราต้องอดทนรอ
ทนรวยให้ได้ .... สมมุติผมมีหุ้นที่ 3 บาท ขึ้นไป 11 บาท ราคาลงมา 5 บาท มันเจ็บปวด แต่เราทนความเจ็บปวดได้ไหม ทนได้ไหม ถ้าเราทนได้วันข้างหน้ามันไป 13 บาท หรืออาจจะ 14 บาท
ซื้อหุ้น ต้องซื้อที่ล่างๆยอดหญ้า ไม่ใช่มันขึ้นไปถึงสวรรค์แล้วซื้อตาม เล่นแบบนี้ได้แค่ค่ากับข้าวแต่ไม่รวยนะ ต้องกลับมาถามตัวเราเองว่าเราอยู่ในตลาดหุ้นหวังรวย หรือหวังค่ากับข้าวไปวันๆ
ต้องหาหุ้นในดวงใจให้เจอ หาหุ้นพลิกชีวิต เล่นสั้นๆเดย์เทรดไม่รวย
ผมเล่นหุ้นแค่ 3 ตัว 5 ตัว แต่ต่อยหนัก(หมายถึง ซื้อตัวเดียวหนักๆ) ไม่ใช่มีหุ้น 30 ตัว 50 ตัว
ต้องหาหุ้นที่คนไม่มอง คนรังเกียจ นั้นแหละหุ้นที่ผมจะกลับมามอง เราต้องยืนอยู่ฝั่งของคนส่วนน้อย
วอลุ่มมันคือของจริง มันหลอกเราไม่ได้ หุ้นตัวนี้เมื่อก่อนเทรด 5 แสนหุ้น 8 แสนหุ้น อยู่ดีๆมาเทรด 10 ล้านหุ้นแบบนี้แสดงว่ามันต้องมีอะไรซักอย่างแล้ว ต้องกลับไปทำการบ้าน ต้องกลับไปดู
ตลาดหุ้นไม่ใช่ยิมนาสติก ไม่มีคะแนนท่ายาก ไม่ต้องซิ่งมากหรือใช้เทคนิคแปลกพิศดารอะไร
คุณไม่รู้หรอกว่าคนสำเร็จวันนี้ผ่านอะไรมาบ้าง เราเห็นแต่ตอนจบก็เลยคิดว่ามันง่าย มันสวยหรู แต่จริงๆแล้วระหว่างทาง เขาเผชิญกับความผันผวน ราคาเหวี่ยงตัวรุนแรง
อยู่ในตลาดหุ้นเราต้องจริงจัง ไม่ใช่เอาเล่นๆหวัง 5% 10% เวลาตลาดถล่ม สึนามิมันมา มันพัดลงทะเลหมด มันเอาจนคุณหมดตัว มันไม่รู้หรอกว่าคุณหวัง 5% แล้วมันจะเมตตาคุณ
อย่าไปกลัว ความกลัวจะบั่นทองกำลังใจของเรา
เวลาซื้อหุ้นเราต้องคิดเหมือนเจ้าของกิจการ
ความรู้จากอินเตอร์เน็ตมีมากมาย โดยเฉพาะ Opportunity Day จากตลาดหลักทรัพย์ นักลงทุนควรต้องดู
เครื่องมือทางเทคนิคไม่ต้องใช้ให้เยอะ ใช้ชำนาญแค่ตัวเดียวก็พอ อย่าเล่นท่ายาก
คนประสบความสำเร็จ แผลเต็มหลัง

วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2558

การเลือกลงทุนในหุ้นทั้ง 6 ประเภท


การศึกษาและหาหุ้นเพื่อลงทุนนั้นเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญ หุ้นก็เหมือนคน ที่มีความแตกต่างทางนิสัยและพฤติกรรม เราจึงควรเลือกหุ้นที่ "เข้ากับเราได้" และเหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของเรามากที่สุด.. หลายคนอาจมองข้ามขั้นตอนนี้ไป แต่การเลือกหุ้นให้ถูกจริตกับนักลงทุนนั้นสามารถช่วยให้เราลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยงและความเครียด และส่งผลบวกต่อผลตอบแทนโดยรวม...

ผู้จัดการกองทุนและนักลงทุนชื่อดัง Peter Lynch เคยนิยามประเภทหุ้นแบบกว้างๆไว้ทั้งหมด 6 ประเภท.. หุ้นแต่ละประเภทมีปัจจัยด้านความเสี่ยง ความผันผวน และพฤติกรรรมการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน.. ดังนั้นหลักการในการวิเคราะห์และกลยุทธ์การซื้อขายย่อมต้องต่างออกไปด้วย.. ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้ถึงความแตกต่างเหล่านี้ จะได้เลือกหุ้นที่เข้ากับนิสัยของเราได้ และใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมแก่การซื้อขาย..

1. หุ้นโตช้า
หุ้นในกลุ่มนีมักเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีประวัติและพื้นฐานทางการเงินที่มั่นคง การเติบโตที่ช้าแต่ต่อเนื่องทำให้หุ้นกลุ่มนี้เป็นหุ้นที่ "ปลอดภัย" และโดยมากจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ในปริมาณที่น่าพึงพอใจ... หุ้นประเภทนี้จะค่อยขึ้นแบบช้าๆ และมีความคาดหวังการเติบโตต่อปีต่ำ เช่นหุ้นบริษัทสาธารณูปโภคทั้งหลาย... ดังนั้นจึงเหมาะกับการลงทุนแบบระยะยาวเพื่อรับปันผลต่อเนื่อง เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และควรหาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาถูกมากๆ

2. หุ้นโตปานกลาง
หุ้นบริษัทขนาดกลางถึงใหญ่ที่มีเชื่อเสียงคนส่วนใหญ่รู้จัก สามารถเติบโตได้ราว 10-15% ต่อปี.. หุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีปันผลให้แต่ปริมาณของปันผลขึ้นอยู่กับยอดขายและผลประกอบการในแต่ละปี.. บริษัทอาจออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้มีผลต่อการเคลื่อนไหวที่หวือหวามากนัก.. สามารถนำมาลงทุนในรอบระยะกลางถึงยาว เพื่อรับผลตอบแทนทั้งปันผลและส่วนต่างของราคา.. เหมาะสมกับการถือในสัดส่วนที่สูงในพอร์ต เพราะค่อนข้างปลอดภัยและสร้างผลตอบแทนที่ใช้ได้..

3. หุ้นโตเร็ว
หุ้นบริษัทเล็กที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดราว 20-25% ต่อปี.. ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงในระยะเวลาอันสั้น ถ้าเลือกถูกตัวอาจขึ้นได้หลายเท่าตัว.. แต่แน่นอนความเสี่ยงก็สูงตามมาด้วย ราคาหุ้นมีความผันผวนมากกว่า ถ้าบริษัทโตไม่ทันความคาดหวังของนักลงทุน ราคาอาจลงแรงได้ในฉับพลัน.. จังหวะการเข้าออกจึงมีความสำคัญมาก ควรใช้กราฟ Technical มาช่วยจับจังหวะ และไม่ควรถือในสัดส่วนที่มากเกินไป

4. หุ้นวัฏจักร
หุ้นกลุ่มนี้มักเคลื่อนไหวเป็นรอบๆที่สอดคล้องกับภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมหรือเศรษฎกิจ เช่นกลุ่มก่อสร้าง ท่องเที่ยว... รายได้ของบริษัทจึงขึ้นลงตามจังหวะของรอบนั้น.. เป็นการลงทุนทีมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากถ้าเข้าซื้อผิดจังหวะอาจทำให้เสียหายหนักได้.. การศึกษาด้านวัฏจักรของกลุ่มอุตสาหกรรมจึงจำเป็น จังหวะเข้าออกสำคัญที่สุด ถือยาวไม่ได้ เหมาะสมกับคนที่มีประสบการณ์ใช้ Technical หาจังหวะเข้าออก และมองภาพรวมขาดเท่านั้น..

5. หุ้น Turnaround
บริษัทที่เคยย่ำแย่ขาดทุนมาก่อนในอดีต ราคาหุ้นตกลงมาแล้วไม่ขยับไปไหน แต่สามารถฟื้นฟูธุรกิจหรือมีอะไรใหม่ๆ เช่นผลิตภัณฑ์หรือผู้บริหาร ที่สามารถนำพาบริษัทให้พลิกกลับมากำไรใหม่ได้อีกครั้ง.. ถ้าสามารถหาบริษัทประเภทนี้เจอในจังหวะที่เหมาะสม จะทำกำไรได้อย่างมหาศาลในเวลาอันสั้น.. แต่ความยากอยู่ในการวิเคราะห์และค้นหาหุ้นที่จะ Turnaround เพราะไม่ง่ายที่บริษัทที่มีปัญหาจะสามารถฟื้นกลับมาได้จริง.. ดังนั้นหุ้นประเภทนี้จึงเหมาะกับคนที่สามารถศึกษาบริษัทได้อยากลึกซึ้งจริงๆ และรับความเสี่ยงได้สูง..

6. หุ้น Asset Play
หุ้นกลุ่มนี้เป็นบริษัที่มีสินทรัพย์ซ่อนอยู่ที่มีมูลค่าสูงกว่าราคาตลาด แต่ยังไม่ได้ถูกสะท้อนออกมาในราคา.. อาจเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ยังมองไม่เห็นหรือมองข้ามไป ทำให้ราคาตลาดยังไม่ตอบสนอง เปรียบได้กับการเลือกซื้อของถูก.. สินทรัพย์ที่ซ่อนมูลค่าต้องมองหาจากงบการเงิน เช่นที่ดินที่เก่าที่ยังไม่ถูกนำมาประเมินใหม่.. เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เก่ง Fundamental เพราะความเสี่ยงอยู่ที่การประเมินมูลค่าที่ไม่มีจุดจับต้องที่ชัดเจน และต้องมีความอดทนสูงเนื่องจากอาจใช้เวลานานกว่ามูลค่าที่แท้จริงจะแสดงออกมา..

จัดกันไปแบบครบถ้วนทั้ง 6 แบบ.. ลองไปดูกัน ว่าอันไหนเหมาะกับตัวคุณมากที่สุด..?? ครั้งหน้าก่อนซื้อหุ้นถามตัวเองด้วยว่าตรงกับจุดมุ่งหมายเราไหม..!! อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงการเลือกจากภาพใหญ่เท่านั้น ในการตัดสินใจซื้อขายต้องรู้ทั้ง Fundamental ที่ช่วยบอกมูลค่าของบริษัท และ Technical ช่วยหาจังหวะในการซื้อขาย รวมไปถึงเทคนิคการจำกัดความเสี่ยง.. 
Cr.The Stock Master.

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

5 อย่า ที่อย่าทำใน day trade

อยาก
1 อย่าเทรดหุ้นตัวที่คึกคักที่สุด 
กฏข้อนี้อาจดูแปลกๆ แต่ลองคิดดูสิว่าเราจะเจออะไรบ้างในสนามที่มีการแข่งขันสูง Day Trade ที่เก่งๆ ก็กำลังจับตามองมันอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเราควรจะเทรดหุ้นตัวที่รองลงมาในหุ้นกลุ่มนั้นๆ แทน
2 อย่าเทรดในช่วงเวลาอันตราย
การขาดทุนส่วนใหญ่เกิดจากการเทรดในช่วง 11.30 - 14.30 น. ในขณะที่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเทรด คือ 2 ชั่วโมงแรกหลังเปิดตลาด ในช่วงเวลาอันตรายนั้นปริมาณการซื้อขายมักจะต่ำ และ Market Maker มักจะ...ไม่ค่อยซื้อขายมากในช่วงเวลานี้ ส่วนการขาย Short นั้นมักจะครึกครั่กในช่วงเวลา 11.30 - 13.00 น. สำหรับหุ้นที่ทำ New High สูงกว่าเดิม และ New Low ต่ำกว่าเดิม เพราะ Market Maker มักจะเสนอราคาซื้อที่ต่ำลงเพื่อกดราคา และไล่คนที่ทนไม่ไหวออกไปพักทานมื้อเที่ยง และกลับมาซื้อใหม่ในช่วงบ่ายแทน
3 อย่าขาดทุนแบบมีเหตุผล
เหตุผลเดียวในการที่คุณจะซื้อหุ้น คือ คุณคิดว่านักลงทุนรายอื่นซื้อหุ้นตัวนั้น ในตอนนั้น ถ้าหากว่าคุณมอง Trend ผิด และมีคนขายมากกว่าคนซื้อ ให้ขายหุ้นตัวนั้นทิ้งทันที ***เน้นย้ำ ขายทิ้งทันที*** ตลาดไม่เคยสนใจกับพื้นฐานของหุ้น รายได้ หรืออัตรา และสัดส่วนต่างๆ ในเวลาสั้นๆ ที่คุณถือหุ้นอยู่หรอก ดังนั้นถ้าคุณพลาดยอมรับความพ่ายแพ้เล็กๆบ้าง เพื่อให้เกิดการขาดทุนน้อยที่สุด
4 อย่าสับสนระหว่าง Day Trade และ Value Investor
นี่คืออุปสรรคสำคัญที่นักลงทุน Day Trade ส่วนใหญ่ไม่สามารถข้ามไปได้ ถ้าการเทรดของคุณ คือ การเข้าไปซื้อหุ้นแล้วถือไว้ไม่กี่นาที หรือแค่ไม่กี่ชั่วโมงล่ะก็ คุณก็ไม่ต้องไปสนใจกับ ”คลื่นแทรก” ต่างๆ เช่น การจัดอันดับโดยนักวิเคราะห์ เส้นค่าเฉลี่ย 30 วันเป็นอย่างไร หรือว่าแนวรับแนวต้านของ 2 เดือนที่ผ่านมาอยู่ตรงไหน คุณจะทำกำไรจากความรุนแรงจากการเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้น อย่าถือหุ้นที่ทำให้คุณขาดทุน แล้วคุณก็ถือไว้โดยหวังว่า ”สักวันมันจะฟื้นคืนชีพเหมือนผีดิบ” เพราะนั่น คือ หนทางที่จะนำมาสู่การสูญเสียครั้งใหญ่หลวง หากว่าหุ้นกำลังลงแล้วหยุดที่ระดับหนึ่งพร้อมๆ กับแรงขายที่หมดลงแล้ว จึงควรจะถือหุ้นนั้นต่อ
5 อย่าต่อต้านแนวโน้ม
นักลงทุนที่เล่นหุ้นแบบ Day Trade ที่ประสบความสำเร็จได้ เราต้องเข้าใจ และทำกำไรจาก Trend จงเพิ่มความใส่ใจ และสมาธิของคุณไปอีกอย่างน้อยสี่เท่าจากเดิม และให้แน่ใจว่าคุณอ่าน Bid / Offer เป็น (คือดูแรงซื้อขายออก ว่าราคาจะไปในทิศทางไหน) และสิ่งที่สำคัญมากๆ คือ สนใจหุ้นเฉพาะไม่กี่ตัวที่เรารู้จักดี เช่น ใครคือเจ้าที่คุมตัวนี้ แก็ปราคาอยู่ที่เท่าไหร่ ช่วงราคาของวันประมาณเท่าไหร่
6 หลีกเลี่ยงคำแนะนำหุ้นราคาถูก
พยายามหลีกเลี่ยงคำแนะนำในการซื้อหุ้นจากห้องสนทนาทั่วไป หรืออย่าไปทำตามคนหมู่มาก การรียนรู้เพื่อเป็นมืออาชีพนั้น คือ การอ่านหนังสือ หรือแหล่วงข้อมูลต่างๆ แล้วดึงเกร็ดความรู้ สาระสำคัญออกมาประยุกต์ใช้ ยิ่งคุณดึงประสิทธิภาพที่ได้รับจากภูมิความรู้มากขึ้นเท่าไหร่ คุณจะพบว่าผลตอบแทนคุ้มค่ากว่าคำแนะนำในการซื้อหุ้นจากห้องสนทนาทั่วไปเสียอีก
7 ล้มเหลวที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด
ถามคำถามกับตัวเองบ้าง เช่น วันนี้ตลาดสอนอะไรให้เราบ้าง? หุ้นตัวไหนที่เราทำกำไรได้ดีสม่ำเสมอๆ เพราะอะไร? ทำไมเราถึงขาดทุนจากการเทรดครั้งนี้ และจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้การขาดทุนน้อยลง? ทำยังไงถึงจะสร้างลักษณะการลงทุนที่ทำกำไรให้เราได้?
เครดิต ...เล่นหุ้นตามเซียน

วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558

"กับดัก 8 ประการ" มือใหม่ต้องระวัง..!!



1. ไม่กระจายความเสี่ยง
"อย่าเก็บไข่ทั้งหมดในตะกร้าใบเดียว".. เพราะหากคุณพลาดทำมันตก คุณจะไม่เหลืออะไรเลย..!! การกระจายความเสี่ยง = ลดความเสี่ยง.. แต่มือใหม่ไม่ชอบซื้อหุ้นหลายตัว เพราะคิดว่ารวยช้า.. อัดตัวเดียวแล้ววัดกันไปเลยดีกว่า... ฟังแล้วคล้ายๆกับการพนันเลย ว่าไหม..??

2. ไม่มีแผนการลงทุน
 ก่อนซื้อหุ้นเคยทำแผนก่อนหรือเปล่า..?? หรือว่าเพื่อนบอกแล้วก็ซื้อเลย ไม่ต้องไปคิดมาก..!! พอขาดทุนทำยังไง ก็โทษเพื่อนซิ.. ง่ายดี..!! การลงทุนที่ดีต้องมีแผนเสมอ ว่าจะเลือกหุ้นยังไง เข้าออกตรงไหน บริหารเงินทุนอย่างไร.. สำคัญสุดๆ..

3. ตั้งเป้าไม่สมจริง
 เพิ่งก้าวเข้ามาในตลาด ยังไม่มีความรู้ แต่อยากได้กำไรเยอะๆ ปีละ 100%.. กดดันตัวเองจนเกินไปโดยไม่ดูความเป็นไปได้ในชีวิตจริง..!! นักลงทุนชื่อดังระดับโลกยังทำไม่ได้เลย..!! สุดท้ายอย่าลืมว่า "ผลกำไรก้อนโต".. สำคัญไม่เท่า "ความสม่ำเสมอ" นะ..

4. เล่นหุ้นตามข่าว
 ซื้อหุ้นตาม "เขาบอก"... แล้วเขาคือใคร เคยถามไหม..?? รอข่าวดีแล้วค่อยซื้อ แปลว่าหุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว ก็ซื้อแพงตลอด.. รอข่าวร้ายค่อยขาย ก็คือขายถูกตลอด.. สรูป "ซื้อแพง ขายถูก".. แล้วเมื่อไหร่จะกำไร?

5. ไม่ทำการบ้าน
 หลายคนเข้ามาในตลาดเพราะมองเป็นหนทางในการ "รวยง่ายๆ".. ไม่เหนื่อย ทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง.. จริงหรอ!? ลองไปถามนักลงทุนที่ประสบสำเร็จดู.. ทุกคนจะบอกว่าเขาต้องทำการบ้านหนักแค่ไหน วางแผนการลงทุนนอกเวลาทำงานตลอด ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆหรอก.. จะทำต้องทำจริง!!

6. ทนรวยไม่เป็น
 กำไรหุ้นอยู่ 5% แต่กลัวมันลง.. รีบขายก่อนดีกว่า เอาชัวร์..!! ได้ครั้งละไม่กี่ช่อองแบบนี้แล้วก็มาบ่นว่าทำไมไม่รวย.. ก็เพราะไม่ยอมทนรวยไง.. จะเป็น VI ต้องแยกแยะให้ออกระหว่าง "ราคาและมูลค่า" ส่วนเทรดเดอร์ก็ต้องดูแนวโน้มหลักให้ออก let profits run ให้เป็น..!!

7. ไม่ยอม Cut Loss

ความหวังเป็นสิ่งที่ดี... แต่การมีความหวังตอนขาดทุนหุ้น แบบนี้ไม่ดีแน่..!! หวังว่าหุ้นจะกลับมาที่เดิม หวังว่าขาดทุนจะพลิกเป็นกำไร.. ยิ่งหวังก็ยิ่งไม่ยอมตัดขาดทุน.. สุดท้ายติดดอยยาวตามสูตร.. ความคิดแบบนี้ ต้องปรับด่วน..!!

8. เล่นแต่หุ้นปั่น
 ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามือใหม่ชอบเล่นหุ้นปั่น มันตื่นเเต้น น่าลุ้น แถมยังทำให้รวย(และจน)เร็วได้ด้วย.. เล่นหุ้นผันผวนมากๆแต่ไม่รู้จริง ระหว่างวันก็ต้องทำงานไม่มีเวลาเฝ้า เล่นไปเล่นมามีแต่ความเครียด แค่นี้ก็รู้ชะตากรรมแล้ว..!! เล่นแต่หุ้นไร้พื้นฐานแล้วไม่เวิร์ค ลองหันมาดูหุ้นที่มีพื้นฐานกันบ้างดีไหม..?